แนะนำการเล่น บาคาร่าออนไลน์

บาคาร่าออนไลน์ (Baccarat Online) เกมไพ่ยอดนิยมที่กำลังได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ซึ่งมีลักษณะการเล่นคล้ายๆ กับเกมไพ่บ้านเราอย่าง ป๊อกเด้ง มากทีเดียว โดย บาคาร่า เป็นการพนันประเภทเกมไพ่ที่ต้องมีให้บริการในทุกคาสิโนโดยเฉพาะแถบยุโรป ทำให้ต้องนำมาให้เล่นกันบนระบบออนไลน์หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ บาคาร่าออนไลน์ ด้วยความที่เล่นง่ายจบเร็ว ทำให้นักเสี่ยงโชคทั้งหลายชื่นชอบอย่างสูง จากหลากหลายประเทศรวมถึงคนไทยเอง สำหรับเหตุผลที่ บาคาร่า มีคนเข้าเล่นจำนวนมากเนื่องจากด้วย กฎกติกาการเล่น ที่เข้าใจได้ง่าย และเป็นเกมที่นักเดิมพันมีโอกาสชนะมากที่สุดเมื่อเทียบกับเกมไพ่ประเภทอื่นๆ

ขั้นตอนการสมัครสมาชิกเข้าเล่นบาคาร่าออนไลน์

สำหรับผู้เล่นใหม่ที่ยังไม่มี username หรือ บัญชี สำหรับเข้าใช้เล่น บาคาร่าออนไลน์ จำเป็นต้องสมัครสมาชิกก่อน ก่อนอื่นผู้เล่นต้องเลือกเว็บไซต์ผู้ให้บริการที่ต้องการ ซึ่งอาจจะดูจาก โปรโมชั่น รูปแบบเว็บไซต์ การบริการ ของเว็บนั้นๆ เป็น หลังจากเลือกได้แล้ว จะมีขั้นตอนสมัครสมาชิกดังนี้

1.ท่านต้องติดต่อทีมงาน หรือ Call Center ประจำเว็บไซต์ เพื่อฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารเพื่อเปิดใช้งาน บัญชี username โดยแต่ในละเว็บไซต์จะมีธนาคารให้เลือกโอนทั้ง 6 ธนาคารชั้นนำของประเทศ อาทิเช่น ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรี ธนาคารกรุงไทย ธนาคารทหารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์

2.หลังจากที่ได้รับแจ้งหมายเลขบัญชีจากทางเว็บไซต์แล้ว ให้โอนเงินเข้าเพื่อสมัครเป็นสมาชิกใหม่กับทางเว็บไซต์ ให้แจ้งไปยังทีมงานดูแลได้ทันที เพื่อแจ้งว่าท่านมีความจำนงต้องการเข้าเล่นกับคาสิโนใด โดยจะมี Gclub ,Holiday Palace, Genting Club, Royal1688

3.หลังจากที่ท่านแจ้งรายละเอียดหลังจากโอนเงินแล้ว ให้ท่านรอไม่เกิน 15 นาที ทางทีมงานจะจัดการส่ง username และ password ให้ และท่านสามารถเข้าเล่น บาคาร่าออนไลน์ ได้ทันที

แต่สำหรับเงื่อนไขในการแจ้งถอนหลังจากสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว จำเป็นต้องรอให้อายุสมาชิกครบ 24 ชั่วโมงเสียก่อน

วิธีเล่นบาคาร่าออนไลน์

บาคาร่าออนไลน์(Baccarat Online) มีวิธีการเล่นเหมือนกันเกือบทุกคาสิโน สำหรับรูปแบบการเล่นจะถูกออกมาเป็น 2 รูปแบบ คือ บาคาร่าออนไลน์ปกติ และ บาคาร่าออนไลน์สด ซึ่งทั้งคู่มีกฎ กติกา การเล่นที่เหมือนกัน แตกต่างกันเพียง บาคาร่าออนไลน์สด จะมีระบบถ่ายทอดภาพสดจากสถานที่จริง ทำให้ผู้เล่นจะเห็นบรรยากาศในสถานเดิมพันเวลานั้นๆ

ในเกมการเล่นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่ง Banker กับ ฝั่ง Player ซึ่งไพ่จะถูกแจกในแต่ละฝั่ง 2 ใบ และสามารถจั่วไพ่หรือขอไพ่เพิ่มได้อีก 1 ใบ เพื่อดูว่าฝั่งไหนจะมีแต้มเยอะกว่ากัน โดยที่แต้มสูงสุดคือ 9 แต้ม ดังนั้นหากฝั่งไหนได้ 9 แต้มในตานั้นจะถือว่าชนะทันที ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกเดิมพันได้ทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกเดิมพันได้ว่าฝั่งไหนจะชนะ ขั้นต่ำในการเล่น 50 บาท  ซึ่งมีรายละเอียดการเล่นดังนี้

1.เลือกเดิมพันฝั่ง Player หรือ ฝั่งผู้เล่น

ถ้าเราเลือกเดิมพันที่นักเดิมพันไว้ที่ 200 บาท ถ้าหากฝั่งผู้เล่นชนะ รับทันที 200 บาท รวมทุกเป็น 400 บาท แต่หากฝั่งเจ้ามือชนะ ก็จะเสีย 200 บาทเหมือนกันทันที ส่วนเงื่อนไขในการจั่วไพ่มีดังนี้

หากไพ่ 2 ใบรวมแล้วได้ 1, 2, 3, 4, 5, 0 = จั่วไพ่

หากไพ่ 2 ใบรวมแล้วได้ 6, 7 = อยู่ หรือ ไม่ต้องเรียกไพ่เพิ่ม

หากไพ่ 2 ใบรวมแล้วได้ 8, 9 = แต้มสูงสุดของเกม ไม่ต้องจั่วไพ่เพิ่ม

2.เลือกเดิมพันฝั่ง Banker หรือ ฝั่งเจ้ามือ

หากเราทำการเลือกพนันฝั่งเจ้ามือจะชนะ เราจะต้องเสียส่วนต่าง 5% จากยอดแทง เช่น หากเราเลือกวางเดิมพันไว้ที่ 100 บาท เมื่อเจ้ามือเป็นฝ่ายชนะท่านจะได้ 95 บาท รวมทุน 195 บาท แต่หากเสียจะเสียเต็มทันที 100 บาท เงื่อนไขในการจั่วไพ่ของทางฝั่งเจ้ามือ

หากไพ่สองใบแรกของเจ้ามือรวมกันได้ 3 แต้ม = ถ้าไพ่ใบที่สามของผู้เล่นมีจำนวนแต้มรวมกัน 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 9, 0 ต้องจั่วไพ่ แต่หากสามใบของผู้เล่นรวมกันได้ 8 ไม่ต้องจั่วไพ่

หากไพ่สองใบแรกของเจ้ามือรวมกันได้ 4 แต้ม = ถ้าไพ่ใบที่สามของผู้เล่นมีจำนวนแต้มรวมกัน 2, 3, 4, 5, 6, 7 ต้องจั่วไพ่ แต่หากสามใบของผู้เล่นรวมกันได้ 1, 8, 9, 0 ไม่ต้องจั่วไพ่

หากไพ่สองใบแรกของเจ้ามือรวมกันได้ 5 แต้ม = ถ้าไพ่ใบที่สามของผู้เล่นมีจำนวนแต้มรวมกัน 4, 5, 6, 7 ต้องจั่วไพ่ แต่หากสามใบของผู้เล่นรวมกันได้ 1, 2, 3, 8, 9, 0 ไม่ต้องจั่วไพ่

หากไพ่สองใบแรกของเจ้ามือรวมกันได้ 6 แต้ม = ถ้าไพ่ใบที่สามของผู้เล่นมีจำนวนแต้มรวมกัน 6, 7 ต้องจั่วไพ่ แต่หากสามใบของผู้เล่นรวมกันได้ 1, 2, 3, 4, 5, 8, 9, 0 ไม่ต้องจั่วไพ่

หากไพ่สองใบแรกของเจ้ามือรวมกันได้ 7 แต้ม = อยู่ไม่ต้องเรียกไพ่เพิ่ม

หากไพ่สองใบแรกของเจ้ามือรวมกันได้ 8, 9 แต้ม = แต้มสูงสุดของเกม ไม่ต้องจั่วเพิ่ม

นอกจาก 2 รูปแบบสามารถเลือกเดิมพันได้ตามที่อธิบายรายละเอียดข้างต้นแล้ว ยังมีอีก 3 รูปแบบ

3.เลือกเดิมพัน แบบ Tie หรือ กรณี เสมอกัน

การลงทุนแบบเลือกว่าทั้ง 2 ฝั่งเสมอกัน โดยมีอัตราจ่ายสูงถึง 8 เท่าของจำนวนเงินเดิมพัน

4.เลือกเดิมพันแบบ Player Pair หรือ ไพ่ฝั่งผู้เล่นออกคู่

หากไพ่สองใบแรกของทางฝั่งผู้เล่นออกคู่ จะได้อัตราจ่ายถึง 11 เท่าจากเงินทุนที่ลงเดิมพัน

5.เลือกเดิมพันแบบ Banker Pair หรือ ไพ่ฝั่งเจ้ามือออกคู่

หากในเกมนี้ไพ่สองใบแรกของทางฝั่งเจ้ามือออกคู่ ผู้เล่นจะได้จำนวนเงินถึง 11 เท่าจากจำนวนเงินทุนที่แทง

การเล่น บาคาร่าออนไลน์ นับว่ามีความหลากหลายมากๆ เมื่อเปรียบกับ ป๊อกเด้ง ในบ้านเรา รวมถึงยังมีการเล่นที่ง่าย เข้าใจได้ไม่ยาก สามารถหาเล่นได้ทุกเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการ คาสิโนออนไลน์ ต่างๆ ที่ได้มาตรฐานระดับโลก ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง